ถ้าใครที่รู้จักการทำ SEO ต้องรู้ว่า Alt Attribute คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก Altกัน ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
Alt Attribute คืออะไร คือเป็นข้อความที่ใส่ใน Image Tag (Img Tag) มีไว้สำหรับใส่ข้อความอธิบายรูปภาพ (บางคนก็เรียกว่า Alt Image Tag หรือ Alt Tag)
Img ย่อมาจาก image ซึ่งมีความหมายว่า “รูปภาพ”
Alt ย่อมาจาก Alternative ซึ่งมีความหมายว่า “แทนที่”
เมื่อนำ Img + Alt ก็ได้ความหมายว่า “การแทนที่รูปภาพด้วยข้อความ”
งคนจะนิยมเรียกว่าAlt Attribute
Alt Attributeเป็นข้อความที่ทุกรูปภาพควรจะต้องมี เพราะมีประโยชน์ต่อ Google, ผู้ค้นหา และผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยสามารถช่วยแสดงคำอธิบายรูปภาพได้ ในขณะที่รูปภาพนั้นๆ ไม่แสดง ช่วยให้ Google, ผู้ค้นหา หรือเข้าชมเว็บไซต์ได้ทราบว่า รูปภาพที่ไม่แสดงนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร และสาเหตุที่ทำให้รูปภาพไม่แสดงมี ดังนี้
1.ไฟล์รูปภาพหายไป
2.ชื่อไฟล์รูปภาพผิด
3.ความเร็ว Internet ต่ำ
นอกจากนี้ Alt Attriubteยังแสดงคำอธิบายรูปภาพเมื่อเอาเมาส์ชี้บนรูปนั้นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งการแสดงข้อความลักษณะนี้เรียกว่า Mouse Over
การใส่ Alt Attribute
ลักษณะของ Alt Attribute เป็นแบบนี้
<img src="spacer.gif" alt="" /> ให้ใส่ชื่อของรูปภาพลงในช่อง (..) และใส่ข้อความอธิบายรูปภาพลงในช่อง ("")
Code Sample
<img src="การใส่ Title Tag/-altimages/spacer.gif" alt="Title Tag ใส่ในส่วน HEAD ของ HTML ซึ่ง Title Tag จะมีลักษณะและใส่ข้อความลงในช่องว่าง (…)ระหว่าง Tag" />
<img src="titlebar.png" alt="titlebar" width="617" height="173" />
หลักเกณฑ์ในการใส่ Alt Attribute
1.คำอธิบายควรตรงกับรูปภาพ
ในการใส่คำอธิบายรูปภาพควรให้มีความสัมพันธ์กับรูปภาพ เพื่อเวลาที่เกิดปัญหารูปภาพไม่แสดง ผู้ค้นหา หรือผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์จะได้เข้าใจว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร และการใส่คำอธิบายที่ไม่ตรงกับภาพจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิด
2.ควรมี Keyword อยู่ในข้อความที่ใส่
หากเป็นไปได้ข้อความที่ใส่ใน Alt Attribute ควรที่จะมี Keyword อยู่ด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกรูปภาพที่มีอยู่จะต้องใส่ Keyword ทั้งหมด ในที่นี้หมายความว่าหากมีรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ก็ให้ใส่ Keyword ลงไปด้วย เพราะจะช่วยในเรื่องของ SEO ส่วนรูปภาพใดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Keyword ก็ให้ใส่คำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้นๆ ไป ไม่ต้องพยามยามที่จะใส่ Keyword เพราะเมื่อเวลา Alt Attribute จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้
3.ไม่ควรใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีด (-)
ข้อความที่ใส่ใน Alt Attribute ไม่ควรใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีด (-) เนื่องจากการเขียนข้อความในรูปประโยคธรรมดาไม่นิยมใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีด (-) อยู่แล้ว แต่จะใช้เป็นเว้นวรรคแทนมากกว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีด (-) แนะนำควรใช้กับคำที่มีการค้นหาเป็นสากลจะดีที่สุด และถึงแม้ว่าข้อความที่ใส่ใน Alt Attribute จะไม่ควรใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีด (-) ก็ตาม แต่ในการตั้งชื่อรูปภาพสามารถใช้เครื่องหมายดังกล่าวได้ไม่มีปัญหา
4.ในกรณีที่รูปภาพไม่ได้มีความหมาย หรือความสำคัญ
โดยปกติรูปภาพที่จะแสดงในเว็บไซต์ มักเป็นรูปที่มีความสำคัญ โดยจะใส่ชื่อรูปและคำอธิบายเอาไว้ แต่ในบางกรณีรูปที่ใส่ในเว็บไซต์นั้น ไม่ได้มีความสำคัญมาก โดยตั้งใจใส่เพื่อตกแต่งตามความสวยงาม ซึ่งรูปภาพที่มีลักษณะนี้อาจจะเว้นว่างตรงคำอธิบาย ” alt=”” เอาไว้ก็ได้
5.ไม่ควรใส่ข้อความใน Alt Attribute รูปภาพซ้ำกัน
ในกรณีที่ต้องเพิ่มรูปภาพหลายๆ รูปลงในเว็บไซต์และในหมวดหมู่เดียวกัน เช่น “นาฬิกาข้อมือผู้ชาย” จะมีรูปภาพหลายรูป ก็ควรใส่ Alt Attribute ให้มีความแตกต่างกันด้วย โดยอาจจใส่ชื่อรุ่น หรือยี่ห้อลงไป เพื่อให้เกิดความแตกต่าง และเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพราะเมื่อซ้ำกันแล้ว เวลาที่ Alt Attribute แสดงข้อความแทนรูปภาพจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิด
เนื่องจาก Alt Attribute สามารถช่วยในแสดงคำอธิบายรูปภาพนั้นๆ ในขณะที่รูปภาพไม่แสดง เวลาที่ไฟล์รูปภาพหายไป ชื่อไฟล์รูปภาพผิด หรือ Internet มีปัญหา ทำให้ผู้ค้นหาได้ทราบทันที และถึงแม้ว่า Google จะไม่สามารถอ่านรูปภาพ หรือมองเห็นรูปภาพได้เหมือนสายตาคน แต่ Google ก็ความพยายามที่จะเข้าใจ โดยอ่านจากข้อความที่เราใส่ลงไปใน Alt Attribute ดังนั้นในการใส่ข้อความลงใน Alt Attribute ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านได้ใส่ข้อความที่เกี่ยวข้อง และมีความสัมพันธ์กับรูปภาพเป็นอย่างดี เพื่อที่ Google จะได้ไม่เข้าใจผิด และสามารถดึงข้อมูลที่ถูกต้องมายังผู้ค้นหาได้ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของ SEO รูปภาพอีกด้วย