การทำ Content Marketing ให้ประสบความสำเร็จ ต้องหมั่นพัฒนา และปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ง่ายต่อการใช้งาน และเหมาะสมกับอัลกอริทึมเมื่อมีการค้นหา วันนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ On-page SEO วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์และคอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ ให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานและ Search Algorithm กัน
On-Page SEO คืออะไร
On-page SEO (หรือ “On-siteSEO” ) คือ ปัจจัยภายใน เป็นการปรับแต่งคอนเทนต์ภายในเว็บเพจ และหน้าเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสให้คอนเทนต์ถูกจัดอยู่ในลำดับที่สูงขึ้น และอยู่หน้าแรก เมื่อมีการค้นหาบนหน้าเว็บไซต์ โดยการทำOn-Page SEOจะเน้นการนำเสนอผู้ใช้งานว่าหน้าเพจนี่เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ตัวอย่างการทำOn-Page SEOจะครอบคลุมเกี่ยวกับ การพัฒนา Title tags การทำรูปภาพและสื่อมีเดียอื่น ๆ การทำ Internal Links การปรับเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายบนมือถือ การสร้าง URLs เป็นต้น
ประโยชน์ของOn-Page SEO
ในบทความนี้เราจะพูดถึงOn-Page SEO เป็นหลักซึ่งการทำOn-PageSEO มีประโยชน์ดังนี้ ลำดับคอนเทนต์อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นบนหน้า Search Engine Results Pages (Search Engine Results Pages) ช่วยในการปรับปรุง Local Search เพิ่ม Organic Traffic ให้แก่เว็บไซต์ ปรับปรุงคุณภาพของเว็บเพจให้ดีขึ้น เพิ่ม Conversion Rate และยอดขาย Click Through Rate (CTR) เพิ่มขึ้น ความเร็วของเว็บไซต์เพิ่มขึ้น เกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาคำตอบได้เร็วขึ้น เช่นใช้ Keyword ตรงกับการค้นหาทั้งในเนื้อหาและหัวข้อบทความ
3 เทคนิค การทำการตลาดออนไลน์ด้วยOn-Page SEOแบบง่ายๆ
- ให้ความสำคัญกับ Visitor หรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บของเรา
เพราะการทำ SEO แบบมีคุณภาพ เห็นผล และไม่เสี่ยงกับการโดนแบบ ต้องคำนึงถึงคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเป็นหลัก ว่าเขาชอบไหม รู้สึกน่าติดตามหรือน่าเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ หรือเปล่า เพราะถ้าคุณสามารถทำอย่างนั้นได้ ก็ยิ่งดึงดูดคนเข้ามาได้มากอย่างแน่นอน ส่วนวิธีการก็ทำได้ไม่ยาก
อันดับแรก สร้างหน้าตาของเว็บไซต์ของคุณให้ดูดีและเหมาะสมกับเนื้อหาธุรกิจของเรา ออกแบบฟังกันการทำงานต่างๆ ในเว็บฯ ให้ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบาย และอย่างสุดท้าย ก็คือคุณภาพของ Content ที่เราส่งออกไป ควรจะมีคุณค่าและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อให้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เราวางไว้ ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ตั้งใจ รับทำเว็บไซต์
- Title Tags ต้องไม่ใช่แค่ชื่ออะไรก็ได้
เพราะแม้จะไม่ได้รับรับคำยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Google แต่นักการตลาดออนไลน์หลายๆ ท่านก็มีความเห็นตรงกันว่า Title Tags มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณในหน้าแรกเป็นอย่างมากในการติดอันดับ Google การตั้งชื่อ Title Tags ให้ถูกทาง จึงมีส่วนช่วยในแผนการตลาดของคุณได้มากอย่างแน่นอน และสามารถนำมาใช้เป็นข้อความในการโฆษณาสินค้าให้กับเราได้อีกด้วย ส่วนวิธีการก็สามารถทำได้ไม่ยาก เช่น
แทรก keyword ที่คุณต้องการลงไปในตำแหน่งต้นๆ ของ Title และสร้างเป็นข้อความที่สั้นกระชับตำแหน่งต้นๆ ของ กับเราได้อีกด้วย รก็ทำได้ไม่ยาก ดังนี้ที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบาย และอย่างสุดท้าย กไม่ยาวจนเกินไป อ่านแล้วชวนให้รู้สึกน่าติดตาม ท้าทาย หรือน่าสงสัยก็จะช่วยดึงดูดให้คนที่สนใจคลิกเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น
- ไม่ใช่แค่อัด Content ลงไปมากๆ แล้วมันจะดีเสมอไป
เพราะเว็บไซต์ที่ Google จะประเมินว่าดี มีคุณภาพและเลื่อนอันดับให้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของบทความเพียงอย่างเดียวเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของบทความนั้นๆ ด้วย ว่ามันสร้างสรรค์และมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน คนอ่านรู้สึกชอบหรือรู้สึกอยากติดตามต่อหรือไม่
เพราะถ้าคุณทำให้คนอ่านรู้สึกชอบ และใช้เวลาอยู่ในเว็บฯของคุณนานๆ ได้ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มค่า Time on site ให้กับเว็บของคุณได้มากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เว็บฯของคุณ จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเว็บไซต์ ที่มีคุณภาพ ควรค่าแก่การถูกดันอันดับขึ้นไปนั่นเอง
กลยุทธ์การทำ On-page SEO
การใส่ Keyword เป้าหมายและ Keyword ที่เกี่ยวข้อง
- ควรเลือก Keyword สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ และดูจากปริมาณการค้นหาและหาไอเดียเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น Google Keyword Planner, KWFinder, Ahrefs
- ควรใส่ Keyword อย่างพอเหมาะในส่วนที่มีความสำคัญต่างๆ ภายในเว็บไซต์ เช่น Title Tag, Meta Description, H1 tag, H2 tag, เนื้อหาส่วนที่เป็น Plain Text (p tag), alt tag ในรูปภาพ
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Keyword ซ้ำๆ กันเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เป็น Keyword Spam หรือ Keyword Stuffing อีกทั้งยังไม่เป็นธรรมชาติเวลา User (ผู้ใช้งาน) มาอ่านเนื้อหา
การสร้างและเพิ่มเติมเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนอง User
- ควรสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการทำ SEO ในหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการให้ติดอันดับ ตลอดจนหน้าเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกัน พร้อมทำลิงค์เชื่อมโยงเพื่อให้อ่านต่อ
- ควรสร้างหน้าเว็บไซต์ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มจำนวนหน้าในเว็บไซต์ เช่น บล็อก สาระความรู้ โดยเนื้อหาควรมีความเกี่ยวข้องกับธีมเนื้อหาหลักของเว็บไซต์
- ควรเขียนเนื้อหาที่ให้ข้อมูลที่เจาะลึกและมีประโยชน์ พร้อมตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการค้นหา Keyword เพื่อให้เป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพมากที่สุดในสายตาของ User
- ควรเขียนเนื้อหาหรือเรียบเรียงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่คัดลอกมาจากที่อื่น และไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการสร้างบทความ
- ควรแทรกรูปภาพหรือวิดีโอระหว่างบทความ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อหา ดึงดูดให้ User อ่านต่อและอยู่บนหน้าเว็บไซต์นานๆ
การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine และ User
- ควรแบ่งหมวดหมู่เนื้อหาหรือสินค้าให้เป็นระบบตามลำดับชั้น และทำเมนูนำทาง (Navigation) ให้เป็นระเบียบดูเข้าใจง่าย เช่น Home > Product > Category
- ควรเลือกใช้โครงสร้าง URL ที่ Search Engine สามารถอ่านได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ URL แบบ Dynamic ที่มีเครื่องหมาย ? และ =
- ควรเลือกใช้โครงสร้าง URL ที่ User สามารถอ่านได้ง่าย โดยใช้คำภาษาอังกฤษ และใช้เครื่องหมาย – แบ่งระหว่างคำ เช่น …./what-is-seo/
- ควรแยก URL หากเว็บไซต์มีหลายภาษา เช่น …/en/ …/jp/ โดยไม่ใช้ Cookies ในการเปลี่ยนภาษา เพราะ URL จะไม่มีการเปลี่ยนตาม ทำให้ Search Engine ไม่สามารถอ่านภาษาอื่นๆ ได้
- ควรทำหน้าเว็บไซต์ให้โหลดได้รวดเร็วเพื่อไม่ให้ User ต้องรอนาน เช่น ใช้ระบบ Cache, ลดขนาดรูปภาพและไฟล์, แปลงไฟล์รูปภาพเป็น WebP, ทำ Lazy Loading ให้โหลดรูปเมื่อเลื่อนมาถึง
- ควรเลือกใช้บริการ Hosting ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เว็บไซต์มีความสเถียร ไม่ล่มง่าย รองรับการใช้งานเมื่อมีผู้เข้าใช้เป็นจำนวนมาก และทำให้โหลดได้เร็ว
- ควรทำหน้าเว็บไซต์ให้รองรับกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile-friendly) ซึ่งปัจจุบันยอดผู้เข้าชมส่วนใหญ่ประมาณ 80% มาจากช่องทางนี้
การอัพเดตเว็บไซต์
- ควรปรับปรุง หรือเพิ่มเติมข้อความในหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการให้ติดอันดับ เพื่อเนื้อหามีการอัพเดตอยู่ตลอด
- ควรเพิ่มข้อมูลใหม่ๆ ในเว็บไซต์ เช่น สินค้ามาใหม่ ข่าวสาร โปรโมชั่น ผลงานล่าสุด เพื่อให้เว็บไซต์มีความสดใหม่อยู่เสมอ
อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์